บนเวทีแห่งความหรูหราและแรงบันดาลใจระดับนานาชาติ “เดอมอนด์” แบรนด์ไฟน์จิวเวลรี่สัญชาติไทย ผู้สืบทอดงานวิจิตรหัตถศิลป์มากว่า 33 ปี เผยโฉมเครื่องประดับผลงานสร้างสรรค์ ที่สะท้อนอัตลักษณ์ Crafted in Thai, Globally Inspired ตอกย้ำภาพลักษณ์ในฐานะ Thai Global Fine Jewelry House ที่พร้อมพาเสน่ห์แห่งความประณีตของช่างฝีมือไทยสู่สายตาทั่วโลก

นับเป็นความภูมิใจของ “อุตสาหกรรมอัญมณีไทย” พลังซอฟต์พาวเวอร์ที่เติบโต ตอกย้ำจุดยืนไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าอัญมณี และเครื่องประดับโลกบนพื้นที่การจัดงานกว่า 47,000 ตารางเมตร ระหว่างวันที่ 9 – 13 กันยายน พ.. 2568 ภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ได้รับการผลักดันจากทุกภาคส่วน ทั้งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP), สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) ถือเป็นงานแฟร์ระดับโลกที่จัดขึ้น เพื่อให้ทุกประเทศได้เข้าร่วมแสดงศักยภาพ ความก้าวหน้า ผลงานของตนสู่เวทีการจับมือคู่ค้า และพันธมิตรทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน

หนึ่งในไฮไลท์ที่ดึงดูดสายตาภายในงาน คือดีไซน์บูทของ เดอมอนด์ ณ บริเวณ Prestige Zone ซึ่งนำเสนอแนวคิดการออกแบบแบบ 360 องศา ถ่ายทอดตัวตนในฐานะ Thai Global Fine Jewelry House ได้อย่างลึกซึ้ง และน่าประทับใจเริ่มต้นที่บริเวณฟาซาด ส่องประกายความอบอุ่นผ่านแสงทองของ สตาร์โมทิฟ สัญลักษณ์ประจำเฮาส์แบรนด์ที่สืบทอดมากว่า 33 ปี สะท้อนออกไปทั่วบริเวณภายในงาน ดังแสงทองแห่งการต้อนรับแขกผู้มาเยือนไว้อย่างสง่างามและเปี่ยมไว้ด้วยความหมาย เชื่อมต่อมิติการออกแบบผ่านชั้นบรรยากาศของพื้นที่ด้วย ผ้าม่านทอพลิ้วไหว สร้างความรู้สึกโปร่ง โล่ง สอดประสานพื้นที่กับความว่างเปล่าไว้ได้อย่างกลมกลืน เปรียบดังบทกวีแห่งสถาปัตย์ที่ผสานความสงบและความเคลื่อนไหวเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เชิดชูงานสานหัตถศิลป์ท้องถิ่นจากผนังไม้สาน ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นองค์ประกอบ ถ่ายทอดกลิ่นอายงานหัตถกรรมไทยเดิม เสมือนบ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสะท้อนความอบอุ่นและความพิถีพิถันในรายละเอียด โอบล้อมพื้นที่การจัดงาน ด้วยมวลหมู่ดอกไม้นานาพรรณ ไล่เฉดสีเอาไว้อย่างประณีตรอบบริเวณตลอดพื้นที่แบบ 360 องศา เพิ่มมิติแห่งความเรืองรองและชีวิตชีวา สื่อถึงความสมดุลของสีสัน และความคิดสร้างสรรค์ของทีมงาน เดอมอนด์ ทุกคนที่ร่วมเนรมิตบรรยากาศภายในงานให้กลายเป็นพื้นที่แห่งศิลปะ เครื่องประดับ และวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ส่งมอบประสบการณ์การเยี่ยมชมที่ตราตรึง ทั้งต่อชาวไทยและผู้มาเยือนจากทั่วโลก ให้ทุกก้าวย่างในดีไซน์บูทของ เดอมอนด์ คือการสัมผัสถึงมรดกแห่งงาน อัญมณณีวิจิตรศิลป์ ของชาติไว้อย่างแท้จริง

ด้วยนัยยะการออกแบบดีไซน์บูทในครั้งนี้ ล้วนมีศูนย์กลางอยู่ที่ความพอดีและความแม่นยำ จึงก่อให้เกิดเป็นผลงานอันโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์ ที่ผ่านขั้นตอนการออกสำรวจและความเข้าใจ ท่ามกลางผู้คนยังคงออกเดินทางและค้นหาความแตกต่าง แต่ยังแสดงออกถึงความเป็นตัวตนไว้อย่างชัดเจน ตลอดระยะเวลาการจัดแสดงเครื่องประดับ เดอมอนด์ จึงร่วมถ่ายทอดผลงานผ่าน “ความสมดุล” อันเป็นนิยามการรังสรรค์ชิ้นงานโดยช่างฝีมือชั้นครู ที่สะท้อนถึงความเป็นเลิศแห่ง “คราฟต์แมนชิป” ขั้นสูง สื่อถึงมรดกภูมิปัญญาแห่งงานหัตถศิลป์ ที่ได้รับการถ่ายทอดคุณค่าพร้อมร่วมรักษาประเพณีการผลิตของช่างฝีมือจาก “รุ่นสู่รุ่น” ไว้อย่างงดงาม แสดงออกถึงศักยภาพของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

กว่าตลอด 3 ทศวรรศ ที่ผ่านมา “เดอมอนด์” ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงส่งออก “สินค้า” หากแต่ส่งออก “คุณค่า” ของเครื่องประดับเพชร ในฐานะแบรนด์ไทยที่สร้างความไว้วางใจบนเวทีนานาชาติ สร้างรายได้ อาชีพ และความภาคภูมิใจให้ช่างฝีมือไทย พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมให้เปล่งประกายสู่สายตาชาวโลกไว้อย่างสง่างาม

Reimagine Luxury”

นิยามบทใหม่บนเวทีโลกของ เดอมอนด์ ในปี 2025 ที่อยากชวนทุกคนมาปรับมุมมอง ความหรูหรา ในรูปแบบใหม่ที่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยค่านิยมเดิมในการสวมใส่จิวเวลรี่ หากแต่เพียงความมั่นใจ ความสนุก ความกล้าที่จะแตกต่าง แต่ยังเป็นตัวคุณที่ชัดเจนในทุกความรู้สึกในการใช้ชีวิต โดยไม่ยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ Chic Collection 2025 (Relaunch) ภายใต้แนวคิดการออกแบบจากทีมดีไซน์สตูดิโอที่ดึงเอาแก่นของ Stylish, Elegant, Unconventional ออกมาเป็นคอลเลกชัน ที่ถือเป็นบทบาทใหม่ของ เดอมอนด์ ในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของจิวเวลรี่แบบดั้งเดิม ก้าวเข้าสู่การเป็น “ไลฟ์สไตล์ไฟน์จิวเวลรี่” อย่างแท้จริง

Chic Collection – The unconventional classic

สำหรับงานในครั้งนี้ ไฮไลท์อยู่ที่แหวนซีรีส์ใหม่ ในคอลเลกชัน Chic ที่สะท้อนถึงแนวคิดที่แฝงไว้ด้วยความขบถผ่านเส้นสายที่เรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการประดับเพชรทรงแฟนซีเรียงต่อกันเป็นแถว

(Fancy Eternity) ที่เพิ่มมิติและประกายของแสงเพชรทุกองศา การแทรกเม็ดทองทรงโดมเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลและสื่อถึงความสมบูรณ์แบบ หรือการใช้เพชรทรงหยดน้ำเรียงเป็นเส้นนำสายตาอย่างมีจังหวะอันลงตัว

ทุกองค์ประกอบล้วนถูกออกแบบอย่างประณีตทำให้ได้แหวนที่ดูเรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ตรงกับนิยามของคอลเลกชัน Stylish, Elegant, Unconventional

แหวน จาก Chic Collection 2025 ถือเป็นไฮไลท์หลักของการเปิดตัวใหม่ในครั้งนี้ ที่สะท้อนเรื่องราวอันหลากหลายที่มารวมตัวกันจนเกิดคาแรคเตอร์ของผู้สวมใส่ นอกจากนี้การออกแบบตัวเรือนในคอลเลกชันนี้ยังเน้นความโฉบเฉี่ยวด้วยการ “เอียงองศาของตัวเรือนอย่างมีศิลปะ” เพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวและสมดุลในทุกมิติ ดั่งแหวนที่ลอยเด่นอยู่บนมือ เสมือนกับการใช้ “ความเอียง” มาเติมเต็มความ “บาลานซ์” อย่างน่าค้นหา เป็นความขัดแย้งที่ลงตัว และเป็นจุดเด่นที่สะท้อนตัวตนของผู้หญิงและผู้คนในยุคใหม่ที่มีหลายบทบาทในตัวเอง

ต่างหูจาก Chic Collection 2025 คือหนึ่งในสเตทเมนท์พีซที่พิสูจน์ว่าเส้นสายที่ดูไม่ซับซ้อน แต่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด สามารถปลุกความรู้สึก “อยากมองอีกครั้ง” ได้อย่างน่าประหลาดใจ ผ่านเทคนิคการผลิตชั้นสูง แทรกด้วยเม็ดทองทรงโดมที่ช่วยเพิ่มความสมดุลผ่านงานดีไซน์อัน “เรียบง่าย” และแสนประณีต ตัวเรือนของต่างหูถูกจัดวางในองศาที่กลมกลืนกับโครงหน้าหลากหลายรูปแบบ ให้ความรู้สึกมั่นใจในการสวมใส่อย่างมีชั้นเชิง สร้างแรงดึงดูดอย่างเป็นธรรมชาติและเปล่งประกายทุกครั้งยามแสงกระทบเมื่อหยิบขึ้นมาสวมใส่ เปิดพื้นที่จินตนาการให้กับผู้พบเห็นจนก่อเป็นบทสนทนา แรงบันดาลใจ และเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความงามในแบบของตัวเอง

อีกหนึ่งไฮไลท์ภาพสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของเดอมอนด์ ที่สื่อถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอนการออกแบบและการผลิตของทีมสตูดิโอออกแบบ เดอมอมนด์ ใช้เวลาในการค้นหา “เส้นโค้ง” ของโช๊คเกอร์ที่พอดีกับช่วงลำคอที่ไม่เพียงแสดงออกถึงความสวยงาม แต่ยังสวมใส่ได้อย่างสบายและโอบรับกับสรีระช่วงลำคอได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเพื่อให้ชิ้นงานดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทางทีมจึงได้เพิ่มรายละเอียดของเพชรทรงหยดน้ำที่ปลายตัวเรือน เสริมความความละมุนและเบรกความเฉียบคมของดีไซน์ให้มีมิติของความอ่อนโยน ซ่อนความหวานไว้อย่างแยบยล ถือเป็นงานออกแบบที่ผสานทั้งความโฉบเฉี่ยว ความนุ่มนวล และความสบายในการสวมใส่ไว้อย่างลงตัว นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่แสดงถึงจิตวิญญาณแห่งงานดีไซน์ของเดอมอนด์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Absolute Deco Collection – Wearable Architecture

คอลเลกชันซิกเนเจอร์ตลอดกาลของเดอมอนด์ ที่หลอมรวมความสง่างามของศิลปะของ อาร์ตเดคโค ที่ยังคงอยู่เหนือกาลเวลาและยังโดดเด่นร่วมสมัย จากการได้รับความนิยมอย่างสูงจากฝรั่งเศส และแผ่ขยายไปทั่วโลก Absolute Deco ของเดอมอนด์ ถูกออกแบบขึ้นในช่วงปี ค.. 2011 เป็นต้นมา และได้พลิกโฉมความหมายของเครื่องประดับในยุคสมัยนั้น ของประเทศไทย ที่ถ่ายทอดความสง่างาม และศิลปะแห่งสถาปัตยกรรม ภายใต้แนวคิด “สถาปัตยกรรมที่สวมใส่ได้” หรือ “Wearable Architecture” ด้วยการนำเอกลักษณ์เส้นตรงและเส้นโค้งที่เรียบง่ายมาทำให้เกิดรูปทรงเรขาคณิต ทำให้เกิดมิติการมองที่ซับซ้อน เปี่ยมไปด้วยพลังความเคลื่อนไหว และแข็งแรงแบบไร้รอยต่อ ซึ่งต้องอาศัยความพิถีพิถัน และการเอาใจใส่ขั้นสูงสุดในการผลิต ถือเป็นสเตทเมนท์พีซชิ้นแรกของแบรนด์ ที่ยังคงได้รับความนิยม และถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เริ่มกันด้วย

Absolute Deco – Masterpiece Marquise Collar Necklace

สร้อยคอชิ้นเอกที่ถูกสร้างด้วยรูปทรงแบบปกคอเสื้อ ที่ต้องสร้างสร้อยคอให้มีโครงสร้างที่ต้องบาลานซ์ระหว่างความแข็งเพื่อให้สร้อยคอตั้งเป็นทรงและความพริ้วไหวเพื่อให้รับกับสรีระของผู้สวมใส่ ถูกประดับด้วยเพชรทรง มาร์คีส์, บาแกตต์ และเอเมอรัลด์คัต เจียระไนงดงาม เพื่อให้ทุกเหลี่ยมมุมของเพชรส่องประกายได้ทุกองศา เผยเทคนิคการฝังเพชรแบบ Pave Setting อันแสดงถึงงานฝีมือขั้นสูงที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสง่างาม เหนือกาลเวลา น่าค้นหา และเหมาะสมกับทุกช่วงโอกาส

Absolute Deco Necklace

ผลงานสร้างสรรค์สร้อยคอระย้า ที่ผสานความสง่างามของศิลปะอาร์ตเดโคเข้ากับเส้นโค้งอันอ่อนช้อยของเส้นสายเรขาคณิต เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อด้วยเพชรบาแกตต์ ที่ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมประดับ เพิ่มความเป็นเอกภาพในทุกองค์ประกอบ ด้วยเทคนิคการทำ Fretwork (ฉลุลาย) ยังช่วยเพิ่มความซับซ้อนและมิติ ให้ดีไซน์มีความลึกและ Refinement ที่งดงามถือเป็นสร้อยคอที่แสดงถึงผู้ชื่นชอบผลงานศิลปะแบบ High Jewelry และศิลปะแห่งยุคสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวสูงสุด

Absolute Deco- Choker

ผลงานชิ้นไฮไลต์ของคอลเลกชัน ที่สะท้อนจิตวิญญาณของ Absolute Deco ได้อย่างสมบูรณ์ โครงสร้างถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันโอบรับลำคออย่างงดงาม สร้างสมดุลระหว่างเส้นสายเรขาคณิตกับความพลิ้วไหวอันละเอียดอ่อนที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคอาร์ตเดโค ประดับด้วยเพชรเจียระไนแฟนซีคัตที่จัดวางอย่างประณีต เปล่งประกายหรูหราเหนือระดับ

Absolute Deco- Oversized Ring Series

แหวนซีรีส์หลักของคอลเลกชันนี้ ได้แรงบันดาลใจจากความงามของเครื่องประดับอาร์ตเดโค ตีความใหม่ในมุมร่วมสมัยที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่น แหวนแต่ละวงคือผลงานมาสเตอร์พีซ ที่เผยให้เห็นงานฝีมือประณีต เมื่อสวมใส่แล้วจึงไม่ใช่เพียงการประดับตกแต่ง แต่คือการสวมใส่ศิลปะชิ้นเอกไว้บนร่างกาย ดีไซน์แหวนหน้ากว้างยังช่วยขับเรียวนิ้วให้ดูยาวและสง่างามยิ่งขึ้น

Firework Collection – แสงแห่งนภา

แรงบันดาลใจจากดอกไม้ไฟในยามค่ำคืน แห่งห้วงเวลาของการเฉลิมฉลอง จากประกายแห่งความทรงจำกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งแสงนิรันดร์ ทุกชิ้นงานของการออกแบบดึงความรู้สึกและความสวยงามของทุกช่วงโมเมนท์ของความสนุก ความตื่นเต้นของการได้ค้นพบแสงสดใสบนน่านนภา จากเส้นขอบฟ้า กลายมาเป็นชิ้นงานออกแบบอันทรงคุณค่า ตระการตา ที่แฝงความรู้สึกอันรื่นรมย์ และสง่างามเหนือกาลเวลา ดังเช่นดอกไม้ไฟที่โปรยกระจายจากบนลงล่าง จากซ้ายไปขวา สื่อถึงความเคลื่อนไหวอันเป็นอิสระ แสดงผ่านเทคนิคการผลิตอย่างประณีต โดยการนำองค์ประกอบของทองคำหลากชิ้นมาผูกเข้าด้วยกันด้วยเส้นทองบางเฉียบ ถือเป็นงานเทคนิคเฉพาะของงาน High Jewelry ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่่องประดับที่เปี่ยมชีวิตชีวา สะท้อนจังหวะอันพลิ้วไหวของดอกไม้ไฟ ที่ส่องประกายทองและแสงเพชรอย่างเจิดจรัส ยกระดับทุกช่วงเวลาให้กลายเป็นการเฉลิมฉลอง

Firework with Black Mother of Pearl

เปลือกหอยมุกสีดำธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ยากจะค้นพบและยังต้องอาศัยความชำนาญขั้นสูงในการผลิต เราจึงให้ความสำคัญกับการคัดสรรโทนสีที่กลมกลืนและงดงามที่สุด และด้วยความบอบบางตามธรรมชาติ ขั้นตอนการเจียระไนจึงเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยความชำนาญระดับสูงของช่างฝีมือชั้นครู เพื่อให้ได้ผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อสร้างสมดุลให้กับความเข้มลึกของเปลือกหอยมุก นักอัญมณีศาสตร์ของเรา ได้เลือกผสานเข้ากับความอ่อนละมุนของ ไพลินสีชมพู (Pink Sapphire) เกิดเป็นมิติและความตัดกันที่งดงาม และยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา และลึกลับสะท้อนความงามที่โดดเด่น ละเอียดอ่อน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในทุกชิ้นงาน

Firework with Pink Opal

ด้วยโทนสีชมพูระเรื่ออันนุ่มนวลของ โอปอลสีชมพู แต่ละชิ้นเปล่งประกายเสน่ห์และความสดชื่น โทนสีอันละเอียดอ่อนนี้ไม่เพียงสื่อถึงความอ่อนโยน แต่ยังสะท้อนถึงความอบอุ่นและความสุข เติมเต็มพลังชีวิตและเสน่ห์เย้ายวนให้กับจิวเวลรีได้อย่างงดงาม ดีไซน์ถูกผสานเข้ากับ ไพลินสีชมพู (Pink Sapphire) อย่างลงตัว ช่วยขับประกายความสว่างสดใสและสร้างความโดดเด่นตัดกันอย่างสง่างาม การนำโอปอลสีชมพูมาใช้ในงานออกแบบ ไม่เพียงเพิ่มความงดงามให้กับชิ้นงาน แต่ยังสะท้อนบุคลิกที่เปี่ยมเสน่ห์ อ่อนหวาน และแฝงด้วยความขี้เล่นของผู้สวมใส่

ทุกครั้งที่สวมใส่ จิวเวลรี่ชิ้นนี้จะปลุกความรู้สึกเบิกบานและความสุขในหัวใจ — ราวกับการเฉลิมฉลองในทุกช่วงเวลา — ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกมีชีวิตชีวาและเชื่อมโยงกับความสุขในทุก ๆ วัน

Firework Trinity Gemstone

ประกอบด้วย ไพลิน (Sapphire), ไพลินสีชมพู (Pink Sapphire), มรกต (Emerald) และ เพชร (Diamond) ทุกดีไซน์ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยงานฝีมืออันประณีตและรายละเอียดที่พิถีพิถัน จนเกิดเป็นความกลมกลืนที่ไร้ที่ติ ผลลัพธ์คือผลงานที่สะท้อนทั้งความหรูหราและเอกลักษณ์อันโดดเด่น ถ่ายทอดความงามในทุกมิติ

คอลเลกชัน Firework ความเจิดจรัสนี้ไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ แต่กลายเป็นการถ่ายทอด “ความหมายแห่งการเฉลิมฉลอง” ทุกชิ้นไม่เพียงเสริมความสง่างามให้ผู้สวมใส่ แต่ยังสร้างความทรงจำที่งดงามและยั่งยืน เครื่อง

ประดับเหล่านี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความสุขและช่วงเวลาอันล้ำค่า เชื่อมโยงผู้สวมใส่เข้ากับโอกาสพิเศษของชีวิต และเติมเต็มทุกขณะด้วยจิตวิญญาณแห่งการเฉลิมฉลอง

และเพื่อให้ทุกชิ้นงานของ เดอมอนด์ สัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าแทนใจยังคงความงาม และความหมายอย่างสมบูรณ์แบบตลอดการเดินทาง เดอมอนด์ พร้อมมอบบริการ Timeless Service บริการพิเศษเหนือมาตรฐาน ตั้งแต่การดูแลทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน การซ่อมบำรุงโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญใปจนถึงการปรับขนาด และฟื้นฟูให้เครื่องประดับกลับมางดงามดังเดิมตลอดการใช้งาน ด้วยมาตรฐานสากลและเทคนิคขั้นสูง Craftsmanship ที่เรายึดถือมาอย่างยาวนานในฐานะ Thai Global Fine Jewelry House ที่มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างประเทศที่ไว้วางใจให้เราดูแลทุกชิ้นงาน

ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ตอกย้ำจุดยืนของ เดอมอนด์ ในฐานะเฮาส์แบรนด์ที่ชัดเจนในด้าน “Crafted in Thai, Globally Inspired” ชูความเชื่อมั่นในงานฝีมือคุณภาพสูง มาตรฐานสากล และบริการหลังการขาย และได้รับการตอบรับด้วยดีเสมอมาจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความเชื่อถือไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย การ์ตาร์ คูเวต ดูไบ และอีกมากมาย

สัมผัสประสบการณ์การสวมใส่ไฟน์จิวเวลรี่ที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย สะท้อนความงดงามของคุณไปกับ บูติก โฉมใหม่ ณ สยามพารากอน ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดย ณ ปัจจุบันร้าน เดอมอนด์ ในประเทศไทย มีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สยามพารากอน, เซ็นทรัล ชิดลม, One Bangkok และเซ็นทรัล พัทยา